เทพยดา งาแกะ อ.เฮง ไพรวัลย์ วัดสะแก อยุธยา รอยก้นจารยันต์ยุคแรก โดยหลวงปู่สีห์ วัดสระแก
เลี่ยมทองสั่งทำงามๆ
หนึ่งเดียวในโลก ถ้าสภาพดีๆองค์นี้มีหลักแสน เพราะเครื่องรางที่ท่านแกะนั้นแต่ละองค์นั้นไม่ซ้ำเดิม แต่ศิลป์ของผู้แกะต้องเหมือนกัน ปัจจุบันเฉพาะเครื่องรางเทพยดาที่ท่านแกะมีอยู่แค่ไม่กี่องค์ และส่วนมากงาแกะของท่านนั้นจะเป็นต้นแบบของพระเนื้อผงที่ท่านสร้างในยุคต่อมา
บัตรพระเครื่องโดยออกโดย บริษัทพระเครื่องเมืองไทย องค์นี้ออกด้วยการดูจาก พี่โทน บางแค มาตฐานที่ได้รองรับจากสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย
องค์นนี้ศิลป์ถึงแม้จะผ่านการใช้มาด้านหน้าสึก แต่ความงามยังเด่นชัด ด้านหลังยังสภาพเดิม เจ้าของเดิมเลี่ยมเงินโบราณปิดหลังแต่ด้านหน้าไม่ได้ใส่กระจกปิด
ตัวงาฉ่ำเก่าได้อายุจนเป็นสีน้ำผึ้ง การดูงาเก่าๆลักษณะนั้นสามารถเอาองค์นี้ไปเป็นครูได้ องค์แกะในช่วงก่อน พศ.2470 ก่อนเหรียญพรหมสี่หน้าที่โด่งดังของท่าน อาจารย์เฮง และ หลวงปู่ศรี (สีห์) วัดสะแก
ปัจจุบันงาแกะของท่านชาวต่างชาตินั้นสิงค์โป จีน ฮ่องกง นั้นนิยมเป็นอย่างมาก
ด้านพุทธคุณมีความเชื่อกันว่าสุดยอดของคงกระพัน และแคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภูตผีปีศาจ เพิ่มพูนในเรื่องของเมตตามหานิยม ส่วนเรื่องราคาต้องว่ากันด้วยราคาแพงมากๆ บ้างครั้งเจอของอาจารย์เฮง ชิ้นหนึ่งแต่ก็ไม่สามารถตีราคาเป็นเงินได้ เพราะในโลกนี้มีชิ้นเดียว สุดยอดเครื่องรางของขลัง
“อาจารย์เฮง ไพรยวัล” เป็นฆราวาสผู้เรืองวิชา และสร้างเครื่องรางของขลังได้อย่างประณีตวิจิตรบรรจง อีกทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสกันอย่างมากจนกระทั่ง ปัจจุบัน และเป็นที่รู้จักกล่าวขานกันมากที่สุด มีลูกศิษย์ลูกหาที่มีวิชาคาถาอาคมต่างๆ ท่านก็ได้เรียนจากอาจารย์ต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากตำราของวัดประดู่โรงธรรมทั้งสิ้น ประกอบกับในยุคที่อาจารย์เฮง มีชื่อเสียงอยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ความไม่มั่นคงในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนนั้นมีมาก จึงมีผู้ต้องการขวัญและกำลังใจในเรื่องเครื่องรางของขลังนั้นมีมาก ซึ่งในยุคนั้นฆราวาสที่มีชื่อเสียงในการสร้างเครื่องรางของขลังคืออาจารย์เฮงนั้นเอง
ประวัติ “อาจารย์เฮง ไพรยวัล”
จากจารึกที่เก็บกระดูกอาจารย์เฮง ณ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เขียนไว้ว่า “เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ สิริอายุ ๗๕ ปี”
พื้นเพท่านเป็นคนบ้านหันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาท่านเป็น นายตำรวจ หรือผู้ตรวจการณ์คุก โดยบิดาส่งไปเรียนที่ปีนัง สิงคโปร์ แต่เรียนไม่สำเร็จ ท่านเป็นคนชอบเรียนวิชาไสยศาสตร์ ได้ท่องเที่ยวเล่าเรียนมาแต่ทางภาคใต้ ท่านอาจารย์เฮงเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ พระยาเพชรปรีชา มีเพื่อนฝูงเป็นเจ้าพระยาหลายคน
เมื่อท่านเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา คือ จ.พระนครศรีอยุธยา คราวเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านให้ความสนใจศึกษาตำรับตำราทางไสยศาสตร์ อันว่าด้วยเวทมนตร์คาถา อักขระเลขยันต์ จากจารึกวัดประดู่โรงธรรมอย่างแตกฉาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัย สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. ๒๑๓๓-๒๑๔๘) นั้น รวบรวมสรรพวิทยาไสยศาสตร์ โดยจารึกไว้ที่ วัดประดู่โรงธรรม นี้อย่างพร้อมสรรพ
ตำรับวัดประดู่โรงธรรม เป็นแม่บทของตำราที่ว่าด้วย เวทมนตร์คาถาและอักขระเลขยันต์ ที่มีปรากฏและเล่าเรียนสืบต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์เฮงนั้น ท่านเรียนรู้ตาม คำภีร์รัตนมาลา อย่างแตกฉาน และเจนจบมาก
หลังจากที่ ท่านอาจารย์เฮง สึกจากการอุปสมบทแล้ว ท่านกลับมาครองเพศฆราวาส เริ่มปรากฏชื่อเสียงเกียรติคุณกระเดื่องดัง ทางเป็นพระอาจารย์ของท่าน เริ่มต้นด้วยการเป็น อาจารย์สัก ก่อน
หลวงปู่สี เล่าว่า ครั้งกบฏบวรเดช ในสมัยรัชกาลที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๗๖) มีนายทหารและข้าราชการมาให้ท่านสักเป็นจำนวนมาก และจากการที่ท่านอาจารย์เฮง ตั้งพิธีสักที่วัดหันตรานั่นเอง
ครั้งนั้น ท่านอาจารย์เฮง จำเป็นต้องอาราธนาพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์ในพิธีสักนั้นด้วย ในสมัยนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๖) ในท้องที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หาพระที่สวดพุทธมนต์และพุทธาภิเษกพิธียากมาก ยกเว้น ท่านอาจารย์สี วัดสะแกเท่านั้น เพราะท่านอาจารย์สีเคยลงมาศึกษาอยู่ที่สำนักวัดเลียบ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีความเจนจบในเรื่องนี้อยู่
สืบต่อมาเมื่อท่านอาจารย์เฮง จะประกอบพิธีกรรมครั้งใด จำต้องมาอาราธนาท่านอาจารย์สีไปร่วมพิธีทางฝ่ายสงฆ์อยู่เสมอ
โดยพื้นฐานและฐานะของท่านอาจารย์เฮงนั้น จัดว่าเป็นผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ท่านมีบ้านเป็นหลักแหล่งอยู่ที่ทุ่งหันตรา มีไร่นา และมีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่วังน้อย เมื่อท่านมีลูกศิษย์ลูกหาทางกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อความสะดวกในการประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา จึงเชิญท่านมาเช่าบ้านอยู่ที่สวนมะลิ และย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวหน้าสมาคม วาย.เอ็ม.ซี.เอ วรจักร จนกระทั่งสงครามมหาเอเชียระเบิด ท่านจึงอพยพขึ้นไปอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ดังเดิม
ตอนสมัยที่ท่านเข้ามาพระนครนั้น เป็นสมัยยุคนักเลง และ อั้งยี่เฟื่องฟู พวกที่คอยขย้ำกันอยู่ในเมืองกรุงก็มี เก้ายอด หลวงพ่อหรุ่น , พวกยันต์แดง อ.เฮง , สามล้อถีบวัดสามจีน และ พวกลูกศิษย์สาย หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา พ่อแก้ว คำวิบูลย์
สมัยนั้น อ.เฮง จอดเรืออยู่ หน้าวัดเชิงเลน (วัดบพิธภิมุข) เมื่อ อ.เฮงมาอยู่พระนคร เพื่อนของท่านได้พาคนมาสักกับท่านมากมาย จึงมีทั้งคนดีคนไม่ดี คนที่ไม่ค่อยดี เมื่อสักไปแล้ว ได้ไปเป็นนักเลงหัวไม้บ้าง เป็นโจรบ้าง ก่อคดีมากมาย ยากต่อการปราบปราม เพราะพวกนี้เหนียวนัก ทางตำรวจจึงมาขอร้องแกมบังคับให้ท่านเลิกสัก อ.เฮงจึงต้องให้เพื่อนมาเคลียร์กับตำรวจ จึงได้สักต่อได้ แต่ทางตำรวจก็ขอร้องให้ดูคนดีๆหน่อย ความจริงศิษย์ท่านที่ดีๆก็มีเยอะ เช่นพวกอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบ มาเป็นลูกศิษย์ท่านหลายคน เช่น อ.ฟู พุทธินันทน์ และอาจารย์คนนี้เคยไปห้ามนักเรียนสวนกุหลาบตีกับโรงเรียนอื่น พวกนักเรียนคู่อริเข้าใจผิดว่าอ.ฟูมาช่วยพวกนั้น จึงใช้มีดแทงเข้าไปที่ท้องอ.ฟู แรงไม่แรงคิดเอา ขนาดอ.ฟูตัวใหญ่ยังทรุด พอพวกนั้นวิ่งหนีไปแล้ว ทุกคนวิ่งมาดูอ.ฟู ปรากฎว่าแค่มีรอยเสื้อขาดเป็นรู กับรอยจ้ำแดงๆเท่านั้น นับว่าเรื่องเหนียวอ.เฮงไพรยวัล ก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน
“เมื่อเราคิดถึงท่าน ท่านก็จะมาอยู่ในใจเรา เมื่อใดที่เรามีทุกข์ร้อนใจ เพียงระลึกถึงคำสอนของท่าน ท่านก็จะมาอยู่ข้างเรา…..”
พลศรีทอง พระเครื่อง โดย บู เชียงราย
ราคา คือ สิ่งที่คุณจ่ายไป ….คุณค่า คือสิ่งที่คุณได้รับ
web (main) พระเครื่อง : บู เชียงราย ร้านพลศรีทอง พระเครื่อง
Web ( มุมพระ) : มุมพระ https://www.mumpra.com/shop.php?shopid=507
Facebook : https://www.facebook.com/ponsrithong/
IG : https://www.instagram.com/bu_chiangrai.amulet/
Reviews
There are no reviews yet.