พระชัยวัฒน์ยอดธง อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร พิธีมหาจักรพรรดิ์ วัดปรินายก ปี พ.ศ. 2497

฿24,000.00

+ Free Shipping

โทร : 087 – 712 -4640 

ID.LINE busoftware52
#พระทุกองค์มีรูปบัตรรับประกันจากร้านพลศรีทอง(ไม่ใช่บัตรแข็ง) ตัวอย่าง..

พระชัยวัฒน์ยอดธง อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร พิธีมหาจักรพรรดิ์ วัดปรินายก ปี พ.ศ. 2497

พระยอดธงจักรพรรดิ อาจารย์เทพย์ วัดปรินายก เนื้อนวะกลับดำ เทดินไทย

ว่ากันว่าจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใส่จนวาระสุดท้ายของชีวิต องค์นี้สวยมากครับและที่สำคัญหายากสุดๆ

    พระยอดธง นั้นสันนิษฐานจากเดือยที่ยื่นออกมาจากใต้ฐานนั้นคงมีไว้สำหรับเสียบที่ยอดธงชัยเฉลิมพล ของกองทหารไว้ใช้ในศึกสงครามในสมัยก่อน พระยอดธงที่อาราธนาไว้บนยอดธงชัยเฉลิมพลนั้นมีอานุภาพให้ชนะข้าศึกศัตรู คุ้มครองทั้งกองทัพ
แต่อีกแนวทางหนึ่งเรื่องเดือยที่ใต้ฐานของพระอาจจะเป็นเพราะกรรมวิธีการสร้างพระที่เป็นพระหล่อลอยองค์ซึ่งจะต้องมีช่อชนวนสำหรับเวลา เทโลหะที่หลอม ละลายเพื่อให้เข้าไปในเบ้าพิมพ์หล่อพระก็เป็นได้ หลังจากที่นำพระออกจากเบ้าพิมพ์แล้วจึงมีช่อชนวนเป็นเดือยเหลืออยู่ และมิได้ตัดออกอาจจะเพื่อสำหรับให้นำพระไปประดิษ ฐานบนฐานที่ทำขึ้นในภายหลังเพื่อตั้งบูชาก็อาจจะเป็นได้
และก็พบพระบางองค์ที่ตัดช่อชนวนออกชิดกับองค์พระก็มี แต่ก็เรียกกันว่า “พระยอดธง” มาแต่โบราณ และพระที่พบในที่อื่นๆ และมีพุทธลักษณะมีเดือยที่ใต้ฐานแบบนี้ก็จะเรียกว่าพระยอดธงเช่นกัน
พิธีมหาจักรพรรดิ์ วัดปรินายก

 

“พิธีมหาจักรพรรตราธิราช จัดว่าเป็นมหาพิธีกรรมที่สำคัญยิ่งที่รวมเอาพิธีกรรมที่สำคัญมาไว้ในมหาพิธีนี้ เช่นพิธีสวดพระปริตรนพเคราะห์ พิธีสวดภาณวาร พิธีสวดพุทธาภิเศก พิธีสวดทิพยมนต์ (สวดชัย) พิธีสวดพระคาถารัตนมาลา เป็นพิธีที่ได้ประกอบขึ้นในประเทศไทยนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต้นฉบับเดิมเป็นของวัดประดู่โรงธรรม กรุงเก่า เป็นพิธีสำหรับประกอบขึ้นเพื่อสร้างพระยันต์วิเศษ “มหาจักรพรรตราธิราช” จารึกลงในแผ่นโลหะทำเป็นแผ่นตะกรุด ซึ่งประกอบขึ้นด้วยอำนาจ ของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
พิธีนี้เมื่อจะประกอบขึ้นจำเป็นจะต้องอาราธนาพระสงฆ์ และพระเถราจารย์มาร่วมประกอบพิธีเป็นจำนวนมาก เป็นพิธีที่ถือกันว่าสำเร็จขึ้นจากอิทธิฤทธิ์ และบุญญฤทธิ์ของพระมาหาบุรุษที่ทรงอานุภาพบรรลุถึงสมบัติบรมจักรพรรดิที่แท้จริง นั่นก็คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระมหาสาวกเท่านั้น เพราะท่านสมบูรณ์พร้อมด้วยอริยทรัพย์ และโลกียทรัพย์ ฉะนั้นพิธีนี้เมื่อจะประกอบขึ้นจึงจำเป็นต้องนิมนต์พระคณาจารย์มาให้ได้ครบ 108 องค์โดยสมมติให้เป็นพระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้า 28 องค์ พระอสีติมหาสาวก 80 องค์ รวม 108 องค์ ด้วยกัน เพื่อจะร่วมประกอบพิธีนี้
      นอกจากนั้นก็มีพระพิธีธรรมสำหรับสวดภาณวาร สวดพุทธาภิเศก สวดพระทิพยมนต์ และพระคณาจารย์สำหรับนั่งปรกบริกรรมจนกว่าจะสุดสิ้นพิธี เฉพาะพิธีมหาจักรพรรตราธิราชนี้ เท่าที่ทราบจากคำบอกเล่าของท่านเกจิอาจารย์ว่า เคยได้กระทำขึ้นแน่นอนครั้งหนึ่งสมัยกรุงศรีอยุธยา คือพระพรหมมุนี วัดปากน้ำประสพได้สร้างถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และในสมัยรัตนโกสินทร์นี้ ดูเหมือนจะได้กระทำขึ้นครั้งหนึ่งที่วัดประดู่โรงธรรม ในสมัยสมเด็จพระปิยะมหาราชรัชกาลที่ 5 อันตะกรุดที่สร้างขึ้นด้วยพระยันต์มหาวิเศษ “มหาจักรพรรตราธิราช” นี้ท่านกล่าวอุปเท่ห์คุณานุภาพไว้ดังนี้
    สิทธิการิยะ ท่านทิศาปาโมกขาจารย์ ท่านได้ประชุมกันสร้างมหายันต์นี้ขึ้น โดยจารึกไว้บนแผ่นหินบรรจุไว้ในสระน้ำใหญ่ เพื่อหวังที่จะให้กุลบุตรผู้ใดที่เล่าเรียนพระไตรปิฎกได้อาบกินน้ำในสระนั้นแล้ว สติปัญญาความทรงจำจะได้ดีขึ้น
     อนึ่ง ถ้าหากกุลบุตรผู้ใดปรารถนาจะใคร่จำเริญในลาภและยศ ท่านให้ลงพระมหายันต์นี้ใส่ในแผ่นทองคำก็ได้ แผ่นทองแดงหรือแผ่นตะกั่วก็ได้ ทำเป็นตะกรุดเอาแช่น้ำบูชาไว้ ยิ่งแช่ไว้ในขันสัมฤทธิ์ (หรือขันน้ำมนต์ที่ประกอบขึ้นตามพิธี) ยิ่งดี เอาน้ำที่แช่ตะกรุดนั้นกินบ้าง ลูบหน้าบ้าง เอารดศรีษะบ้าง บำบัดโรคภัยทั้งหลาย ทั้งจะมีอายุยืนนาน บังเกิดลาภยศตามแต่จะถึงปรารถนา อธิษฐานเอาเถิดได้สำเร็จความปรารถนาทุกประการแล
     อนึ่ง จะให้มีตบะเดชะ ให้เอาตะกรุดมหาจักรพรรตธิราชนี้ผูกเอวไว้ ให้รูดตะกรุดนั้นไว้ข้างหน้า ใครเห็นใครก็กลัว ใครเห็นใครรักแล ถ้าจะเล่นการพนันให้รูดตะกรุดนั้นมาไว้ข้างหน้า ตั้งใจอธิฐานเอาว่าจะต้องการเงินสักเท่าไหร่ ก็ให้พึงเอาเพียงนั้นเถิด พึงตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์ ให้ตั้งความปรารถนาทุกอย่างไม่แพ้แก่ใครในการเล่นการพนันเลย
     อนึ่ง ถ้าจะให้ทำมาค้าขึ้น เพื่อที่จะขายสินค้าได้คล่อง ๆ ให้เอาตะกรุดนี้แช่ทำน้ำมนต์ เอาน้ำมนต์นั้นประพรมสินค้า ก็จะซื้อง่ายขายคล่องแล ถึงแม้ว่าผีเข้าคนอยู่ก็ดี เกิดโรคภัยไข้เจ็บทุกขเวทนาต่าง ๆ ก็ดี เอาน้ำมนต์ที่แช่ตะกรุดนี้ประพรมผีร้ายออกหนีไปสิ้นมิอาจจะอยู่ได้เลย เป็นอันขาดทั้งโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ก็จะบรรเทาสูญหายถอนแก้กระทำย่ำยีถูกเสน่ห์ยาแฝดหายสิ้นทุกประการ ประพรมบ้านเรือนปัดเป่าตัวเสนียดจัญไรต่าง ๆ หายสิ้นกันฟ้ากันไฟก็ได้ ถ้าหากถูกคดีเป็นถ้อยร้อยความ ให้เอาน้ำมนต์แช่ตะกรุดนี้อาบรด จะมีชัยชนะแก่คู่ความแล
    อนึ่ง ถ้าจะกันโจรผู้ร้ายมิให้ทำอันตรายแก่เรา ให้เอากรวดหรือทรายมาแล้วเอาน้ำมนต์ที่แช่ตะกรุดนี้ประพรมบริเวณบ้านเรา อธิษฐานขอเอาบารมีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสงฆ์คุณ จงมาช่วยคุ้มครองป้องกันอันตรายบรรดาคนคิดร้ายที่เข้ามาเหยียบถูกเอากรวดทรายที่หว่านโปรยไว้ จะบันดาลให้มีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา มิสามารถที่จะทำร้ายเราได้เลย

     พิธีมหาจักรพรรดิ์พุทธาภิเษกในปี พ.ศ.2487  โดยอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เป็นเจ้าพิธีมี
   หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
  หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
  หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง ฯลฯ มาร่วมพิธีหลายรูป เนื้อนวะโลหะเต็มสูตร ผสมโดยพระอาจารย์ไสว สุมโน วัดราชนัดดาฯ
      พุทธคุณครอบจักรวาล เพราะการประกอบพิธีเป็นพิธีมหาจักรพรรดิ์พุทธาภิเษก พุทธคุณโดดเด่นทางด้านอำนาจ วาสนา บารมี มีบริวารมากมาย เป็นเมตตามหานิยม โชคลาภครบ ป้องกันเสนียดจัญไร ขับไล่ภูติผีปีศาจและอาถรรพน์ต่าง ๆ นา ๆตลอดจนอาราธนาทำน้ำพระพุทธมนต์เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต รวมทั้งคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดเป็นประการสำคัญ
     อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านพระกริ่งคนหนึ่งในเมืองไทยทีเดียว ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าท่านเป็นนักซื้อขายพระหรือเซียนพระแต่ประการใด แต่ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหล่อพระกริ่ง และด้านไสยเวทย์คนหนึ่งในเมืองไทยที่หาตัวจับได้ยากยิ่งเลยทีเดียว ท่านยังเป็นปรมาจารย์ทางโหราศาสตร์ที่สำคัญคนหนึ่งของเมืองไทยอีกด้วย ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๔๖๒ อาจารย์เทพย์เป็นบุคคลที่มีลักษณะพิเศษกว่าคนทั่วไป
      ท่านมีรกซึ่งมีลักษณะเป็นหมวกครอบศีรษะออกมาด้วยเป็นที่พิศดาร คุณหลวงวิศาลรุนกร (อั้น สาริกบุตร) ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เป็นคุณลุงของอาจารย์เทพย์ และท่านยังเป็นโหราจารย์ที่มีชื่อคนหนึ่ง ตั้งชื่อให้ว่าเทพย์เพื่อเป็นมงคล ท่านพูดเป็นคำขันว่า เจ้าหมอเทพย์คนนี้น่ากลัวจะมีวิชาดีเอาติดตัวมาด้วย คำพูดของท่านเป็นจริงเมื่ออาจารย์เทพย์เติบโตขึ้นท่านก็กลายเป็นนักวิชาการ ทางด้านโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ของเมืองไทยคนหนึ่งมี พันเอกหลวงธรณีนิติญาณ (สวัสดิ์ อินทรพล) ซึ่งเป็นคุณลุงทางฝ่ายมารดา ถ่ายทอดวิชาหมอดู โหราศาสตร์ไทยให้ท่าน
     ในขณะที่คุณหลวงวิศาลฯ สอนวิชาโหราศาสตร์สากล ท่านเป็นคนวิริยะอุตสาหะจริงๆ ใช้เวลาทุกขณะค้นคว้าหาความรู้ทางด้านนนี้มาตลอด ส่วนทางด้านไสยเวทย์มีคุณพ่อของอาจารย์ซึ่งถ่ายทอดวิชาวัดปากคลองมะขามเฒ่า ให้เป็นพื้นฐาน (คุณพ่อของอาจารย์เทพย์เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลอง) นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์สี วัดมณีชลขันธ์ อาจารย์ผาด หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วถ่ายทอดวิชาทำยาจินดามณีอันศักดิ์สิทธิ์ และวิชาทำพระไม้โพธิ์แกะห้ามสมุทรที่มีคุณวิเศษ เป็นลูกศิษย์รักของท่านเจ้าคุณศรีสัจจาสนธิ์ วัดสุทัศน์ที่ถ่ายทอดวิชาการหล่อพระกริ่งอันดับหนึ่งในเมืองไทย และท่านยังได้ศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากวัดประดู่โรงธรรม อยุธยา ตักศิลาที่สำคัญยิ่งของเมืองไทย ท่านได้พบกับหลวงปู่เทียม วัดกษัตริย์ตรา หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ ที่เดินทางมาศึกษาวิชาวัดประดู่เหมือนกัน และเป็นสหธรรมมิกที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ แลกเปลี่ยนวิชากันอยู่เสมอมิได้ขาด นอกจากนี้ท่านยังแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน (สำหรับหลวงปู่รอดนี้ เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกศิษย์ของท่านถูกเจ้าเข้ามาตลอด ญาติจึงพามาหาหลวงปู่รอดเพื่อแก้ไข แต่ท่านได้รดน้ำมนต์ ลงตะกรุดให้ติดตัว แต่เจ้าก็ยังเข้าได้อยู่ดี
      จึงได้ให้ลูกศิษย์มาหาอาจารย์เทพย์ เพื่อขอคำแนะนำ อาจารย์เทพย์ได้ลงตะกรุดไปให้ดอกหนึ่งถวายหลวงปู่รอด หลวงปู่รอดจึงให้คนที่ถูกเจ้าเข้าสิงใส่ติดตัวแทนตะกรุดหลวงปู่ เป็นที่น่าอัศจรรย์เจ้าที่เคยเข้าได้มาตลอดกลับเข้าไม่ได้อีกเลยนับตั้งแต่ บัดนั้น หลวงปู่รอดจึงขึ้นมาหาอาจารย์เทพย์ถามเรื่องยันต์ในตะกรุดนั้นว่าลงอะไร อาจารย์เทพย์จึงถวายวิชาลงตะกรุดนั้นให้หลวงปู่รอดไป นับตั้งแต่บัดนั้นหลวงปู่รอดไปมาหาสู่อาจารย์เทพย์มาโดยตลอดแลกเปลี่ยนวิชา กันอยู่เสมอ ท่านมากรุงเทพเมื่อไหร่ต้องมาแวะพักค้างที่บ้านอาจารย์เทพย์มิได้ขาด อาจารย์เทพย์นับถือหลงปู่รอดเป็นครูบาอาจารย์ของท่านองค์หนึ่งเลยทีเดียว ท่านยังเป็นเจ้าพิธีที่สำคัญๆของเมืองไทยอยู่หลายพิธี ซึ่งหลายท่านยังคงไม่ทราบ เช่น พิธีมหาจักรพรรดิ์กษัตราธิราช วัดปรินายก และที่พิษณุโลก พิธีที่สำคัญและน้อยท่านที่ทราบวิธีการจัดให้ถูกต้อง และพิธีหล่อพระกริ่งจอมสุรินทร์ พระกริงเอกาทศรถ พระกริ่งจิตคุโตหลวงพ่อผาง ฯลฯ ที่กล่าวมานี้ท่านลงแผ่นทอง กำหนดฤกษ์ยามให้ และเป็นเจ้าพิธีควบคุมด้วยตัวท่านเอง พระกริ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน คือพระกริ่งวัดปรินายก พระกริ่งปวเรศน้อย วัดช่องลม(วัดสีห์ไกรสร) ท่านทำตอนที่ท่านบวชเป็นพระภิกษุ ว่ากันให้หมู่ลูกศิษย์เททองเสร็จ ยิงได้เลยยังไม่ต้องปลุกเศกผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ ปืนยิงไม่ออกแม้แต่นัดเดียว
    ทำให้ชุดนี้ เป็นที่เสาะแสวงหากันมากในหมู่นักนิยมสะสมพระเครื่อง และยังมีการปลอมออกมาหลายฝีมือทีเดียว พระกริ่งดาว ๗ ดวง ที่หล่อเพียง ๗ องค์เท่านั้น ใครที่คิดจะหาปิดประตูได้เลย เพราะอยู่กับผู้ที่มีอันจะกินระดับแนวหน้าของเมืองไทยทั้งหมด ที่เรียกกริ่ง ๗ ดาวนี้ เนื่องจากในปีนั้นมีดวงพระเคราะห์ทั้ง ๗ ดวงเคลื่อนเข้ามาอยู่ในราศีเดียวกัน และให้คุณเป็นอันมาก เรียกว่ารอกันเป็นสิบๆ ปีได้เลยกว่าจะเกิดปรากฏการแบบนี้ จึงเป็นที่มาของพระกริ่ง ๗ ดาว ส่วนพระบูชาไม้โพธ์แกะปางห้ามสมุทร หรือโพธิ์นิพพาน ท่านได้สร้างไว้เหมือนกันแต่น้อยมากๆ พระควัมบดีแกะจากไม้รักซ้อนตายพรายก้นอุดด้วยพระธาตุและผงวิเศษ พระควัมบดีแกะจากไม้หิ่งหายผี ส่วนเครื่องรางก็จะมี เสื้อยันต์ท่านทำสมัยสงครามอิน โดจีน ผ้ายันต์ต่างๆ เชือกคาดเอว (ลงแล้วเผาไฟไม่ไหม้ตามตำรา) สำหรับเครื่องรางเหล่านี้จะต้องมีเครื่องสังเวยครูตามตำรานั้นๆ เลยทีเดียวถ้าไม่มีมาท่านจะไม่ทำให้เป็นอันขาด เพราะท่านถือเรื่องการเคารพครูเป็นอย่างสูง เครื่องรางของท่านแต่ละชิ้นจึงมีราคาค่าตัวสูงพอสมควร ตะกรุดต่างๆ เช่น ตะกรุดมหาจักดิ์กษัตราธิราชที่ลงในพิธีมหาจักรพรรดิ์ที่นับดอกได้ ปีที่ทองคำตกบาทละ ๕๐๐๐ กว่า
      เคยมีคนเอาทองคำหนัก ๖ บาทมาแลกตะกรุดมหาจักรพรรดิ์ไป ๑ ดอก ตะกรุดคู่ชีวิต ตะกรุดดวงพิชัยสงคราม และตะกรุดอื่นๆ ประคำประเจ้าตรึงไตรภพ ที่ทำจำน้อยมากมีไม่เกิน ๒๐ กว่าเส้นเท่าที่ทราบ และหาผู้ที่รู้จริงทำได้น้อยมากเช่นกัน แม้แต่วัดกลางบางแก้วเอง สิ้นหลวงปู่บุญ ก็ไม่มีท่านใดทำต่อได้เลย ลงด้วยคาถารัตนมาลา ทั้ง ๑๐๘ คาถาและต้องท่องจบสูตรรัตนมาลาทั้งหมด ๓ ห้อง คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไส้ทำด้วยเงินลงยันต์ บ้างท่านเป็นทองคำก็มี พันดวยกระดาษสาโรยด้วยผงยันต์ปถมัง ฯลฯ ลงรักปิดทองทั้งเส้น ผมยังมีบุญที่ได้เห็นอยู่หนึ่งเส้นในชีวิต
     เพราะของสำคัญอาจารย์เทพย์ส่วนใหญ่ จะตกอยู่ในมือผู้ที่มีอันจะกินระดับเจ้าสัว แทบทั้งสิ้นจึงไม่มีของหลุดออกมาให้เห็น มีดเทพศาสตราที่รวบรวมชนวนพระกริ่งที่ท่านทำทั้งหมดมาหลอมเป็นใบ นำมาตบแต่งเป็นมีดจารทั้งใบหน้าหลังมีดท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ขณะที่ลงใบปลายมีดลงยันต์โอ้ฟ้าผ่าอยู่นั้น ฟ้าก็ได้ผ่าลงมาให้เห็นจริงๆ จะเห็นได้ว่าท่านเรียนวิชาอะไรก็สำเร็จตามคุณวิเศษของตำรานั้น เท่าที่ผมได้ทราบมากับตัวเองและที่เห็นในเรื่องเหล่านี้ก็จะมี อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และอาจารย์ชุม ไชยคีรี สองท่านนี้ที่ทำได้ตามตำราจริงๆ คุณวิเศษของมีดนั้นเรื่องไล่ผี ขับคุณไสยถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีดของท่านยังใช้ทำความได้ด้วย (เรื่องนี้ผมได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากลูกศิษย์คนสนิทของท่านคนหนึ่ง ว่ายังใช้ทำความได้ดี ใช้ข่มศัตรู เพียงแต่นำรู้ถ่ายของคู่ความ คู่กรณีมาว่าคาถาที่กำกับ และพันกับด้ามมีดเท่านั้น คู่ความไม่สามารถว่าความได้เลย) วิชาทำยาจินดามณีได้รับอนุญาติจากสำนักพระราชวัง ให้ใช้พระอุโบสถวัดพระแก้วประกอบพิธี นับว่าหาได้ยากจริงๆ เท่าที่ทราบก็ไม่มีผู้ใดอีกเลยที่ทำพิธียาจินดามณี ในพระอุโบสถ วัดพระแก้วได้ นอกจากนี้ยังได้รับโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้หล่อพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ถวายพระองค์อีกด้วย สีผึ้งสามไฟที่เลื่องลือในด้านเมตตานิยม การเจรจาเป็นอย่างสูง
   พิธีสุดท้ายท่านทำที่วัดเสน่ห์หา เมื่อทำสำเร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินมายังวัดเสน์ห์หาพอดี นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมากสำหรับอาจารย์เทพย์ ที่ได้ลองทำวิชาสีผึ้งสามไฟ ใครมาขอท่านจะให้แค่เท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น และนำไปผสมกับสีผึ้งที่เตรียมมา ลูกศิษย์ที่ได้ใช้ต่างบอกเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าวิเศษตามที่ท่านได้บอก สรรพคุณจริงๆ ระยะหลังท่านได้เลิกทำเครื่องราง เพราะสุขภาพไม่อำนวย แต่ยังคงไว้ในส่วนพระกริ่งของท่านเองที่ทำเพื่อการสร้างวัดวาอาราม บูรณปฏิสังขรณ์ ถาวรวัตถุต่างๆ ครั้งหลังนี้ท่านเลือกประกอบพิธีที่วัดตะเคียน (วัดมหาพฤฒาราม) มาโดยตลอดเพราะรู้จักสนิทสนมกับเจ้าอาวาส พระกริ่งที่เทวัดคะเคียนนี้ ที่ผมจำได้จะมี พระกริ่งนวโกฏิ (พระนวเศรษฐี) พระกริ่งปวเรศ พระชัยวัฒน์ พระบูชาหลวงพ่อดำ (พระบูชาหลวงพ่อดำนี้เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ พระจำองค์สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ที่พระองค์เดิมเป็นพระสมัยเชียงแสนหล่อด้วยสำริด เนื้อกลับเป็นสีดำ ส่วนฐานท่านได้ให้ช่างแกะเป็นเทวดานพเคราะห์ทั้ง ๙ ดวง และแผงไม้ประดับองค์พระด้านหลัง คล้ายกับพระพุทธชินราช พิษณุโลก และถวายพระนามใหม่ว่าหลวงพ่อดำ) เหรียญนารายณ์แปลงรูป เหรียญพุทธนิมิตร
   ส่วนการประกอบพิธีพุทธาภิเษกท่านได้นิมนต์หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะองค์ (หลวงพ่อทองอยู่นี้ท่านดังมากในเรื่องใช้กสิณดับแสงดาว และท่านยังเป็นญาติทางฝ่ายแม่ของอาจารย์เทพย์อีกด้วย) ส่วนหลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นสหธรรมมิกกับอาจารย์เทพย์ เวลาที่หลวงปู่โต๊ะทำผงมักจะมาทำที่บ้านของอาจารย์เทพย์เสมอ ประสพการณ์ของอาจารย์เทพย์นั้นมักจะมีในแทบทุกด้าน วิชาที่ท่านทำแต่ละอย่างนั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวิชาชั้นสูง อย่างเช่น ทางด้านเมตตามหานิยม นั้นท่านทำให้ถึงขนาดที่ว่าเทวดายังต้องลงมารัก มาเมตตาสงสาร ให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่เมตตามมหาเสน่ห์แล้วจบลงด้วยการนอนร่วมเพศกันเหมือนกับอาจารย์ลวงโลก ในสมัยนี้ทำ ท่านยกอุปมาอุปมัยมาสั่งสอนลูกศิษย์โดยตลอด ในเรื่องต่างๆเหล่านี้ วิชามหาเสน่ห์ท่านก็มีแต่ไม่ได้ประสิทธิประสาทให้กับผู้ใด ท่านว่าเป็นวิชาขั้นต่ำ ท่านเคยทำวิชานี้ให้พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขันธ์ ได้ประจักษ์เป็นบุญตามาแล้ว (เมื่อปี ๕๐ มีลูกศิษย์พระอาจารย์ติ๋ว ท่านหนึ่งโทรมาแลกเปลี่ยนประสพการณ์กับผม เล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งที่พระอาจารย์ติ๋วเข็ญรถอาจารย์เทพย์ ออกมาหน้าบ้านท่านบอกอยากเห็นอะไรมั๊ย พอพูดจบท่านนั่งภาวนาคาถาสักครู่
     ในขณะนั้นมีผู้หญิงสองคนเดินผ่านหน้าบ้านท่านพอดี ท่านจึงเป่าคาถาใส่ผู้หญิงสองคนนั้น ปรากฎว่าผู้หญิงสองคนนั้นเดินเข้ามาหาอาจารย์เทพย์และหอมแก้มท่านเป็นการ ใหญ่ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันเลย พระอาจารย์ติ๋วเห็นแล้วถึงกับอึ้ง ในวิชามหาเสน่ห์ของอาจารย์เทพย์ที่ทำให้ดู) อาจารย์เทพย์ ท่านมรณะเมื่อ วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๓๖ นับว่าเป็นการสูญเสียครูบาจารย์ที่สำคัญ ท่านหนึ่งในเมืองไทย นี่เป็นประสพการณ์เล็กๆน้อยส่วนหนึ่งที่ผมได้รับรู้ ได้เห็นมา
   ((( องค์นี้เป็นพระโชว์เท่านั้นครับท่าน )))

Loading

Reviews

There are no reviews yet.

Be the first to review “พระชัยวัฒน์ยอดธง อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร พิธีมหาจักรพรรดิ์ วัดปรินายก ปี พ.ศ. 2497”

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Shopping Cart